เซ็นทรัลพัฒนา เรซซิเด้นซ์ ขยายน้ำหนักธุรกิจจากหัวเมืองสู่กรุงเทพฯ เปิดพอร์ตบ้านเดี่ยว 13 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 25,340 ล้านบาท ครอบคลุม 4 แบรนด์หลัก ตั้งแต่ระดับ 7–40 ล้านบาท หลังสะสมผลงานแนวราบ–แนวสูงทั่วประเทศรวม 51 โครงการ 16,000 ยูนิต มูลค่า 65,700 ล้านบาท
ผู้บริหารระบุ บริษัทไม่มองตัวเองเป็นผู้พัฒนา แต่เป็น “Lifestyle Creator”
ร.อ. กรี เดชชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจที่อยู่อาศัย กล่าวถึงทิศทางว่า บริษัทเริ่มต้นจากคอนโด Escent ในจังหวัดใหญ่ และค่อย ๆ ขยายสู่โครงการบ้าน–คอนโดกว่า 20 จังหวัด ก่อนเดินเข้าสู่กรุงเทพฯ เต็มรูปแบบ โดยย้ำว่า
“เราไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่ผู้พัฒนาอสังหาฯ แต่เป็น Lifestyle Creator ที่สร้างวิถีชีวิตใหม่ ผ่านการเลือกทำเล การทำแบรนด์ และประสบการณ์ลูกค้า”
3 แกนหลักคือ
-
เลือกทำเลที่คิดว่าจะกลายเป็นโซนอยู่อาศัย
-
ทำแบรนด์บ้านให้ตอบกลุ่มชัด
-
บริการก่อน–หลังการขายที่พยายามผูกลูกค้าเข้ากับ Ecosystem ของเครือเซ็นทรัล
ประเด็นที่บริษัทหยิบมาขาย โครงสร้าง–ความปลอดภัย–บริการหลังขาย
บริษัทเน้นเรื่องงานโครงสร้าง เช่น ก่ออิฐมวลเบา, พื้น Slab on Beam, ท่อประปาเหนือฝ้า, Seismic Test และระบบความปลอดภัย 7 ระดับตั้งแต่ Double Gate ถึงเซ็นเซอร์ประตู–หน้าต่าง
ร.อ.กรีกล่าวชัดว่า “บ้านที่ดีต้องอยู่ได้ดีในระยะยาว และนั่นคือหัวใจของทุกโครงการของเรา”
เป็นคำยืนยันถึงจุดที่บริษัทถือว่าเป็นความต่างจากผู้เล่นรายอื่น
แบ่งโซน–แบ่งแบรนด์ ชัดเจนตามตลาด
13 โครงการในกรุงเทพฯ กระจาย 4 โซน ได้แก่
-
เหนือ: แจ้งวัฒนะ–ชัยพฤกษ์, ดอนเมือง
-
ใต้: บางนา, ศรีวารี
-
ตะวันออก: กรุงเทพกรีฑา–มอเตอร์เวย์, รามอินทรา
-
ตะวันตก: บรมราชชนนี–ราชพฤกษ์ รวม 6 โครงการ
พร้อม 4 แบรนด์ที่แบ่งราคาประมาณการดังนี้
-
นิยาม 25–40 ล้าน (Super Luxury)
-
นิรดา 20–30 ล้าน (Luxury)
-
นินญา 10–20 ล้าน (Premium)
-
นิรติ 7–15 ล้าน (Upper Class)
โครงการใหม่ล่าสุดมูลค่า 4,100 ล้านบาท อยู่ระหว่างเปิดตัว
ครึ่งปีหลังเปิด บ้านนินญา กรุงเทพกรีฑา–มอเตอร์เวย์ และเตรียมเปิด บ้านนินญา รามอินทรา 83 สิ้นเดือน พ.ย. โดยระบุว่าแบบบ้านใหม่อิงจาก “พฤติกรรมการอยู่อาศัยจริงของครอบครัวยุคใหม่”
ผูกเข้ากับโมเดลแม่ Retail-Led Mixed-Use
การขยายพอร์ตบ้านเดี่ยวถูกวางให้ต่อยอดกับศูนย์การค้าและมิกซ์ยูสในเครือ ผ่านแนวคิดที่บริษัทใช้สื่อสารคือ “Imagining Better Living”