ดุดันที่สุดในรุ่น Bentley Continental GT Supersports การคืนชีพสายพันธุ์สปอร์ตในวาระ 100 ปี

เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส เปิดตัว Continental GT Supersports รุ่นใหม่ล่าสุดจากเมืองครูว์ ยืนหนึ่งในฐานะยนตรกรรมสปอร์ตที่ “หนักแน่นแต่เบาที่สุด” ของตระกูล Continental GT พร้อมจารึกการกลับมาในโอกาสครบรอบ 100 ปีของชื่อ Supersports ที่เคยสร้างตำนานความเร็วทะลุ 160 กม./ชม. ตั้งแต่ปี 2468

รุ่นใหม่นี้เป็นครั้งแรกที่ Continental GT ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังแท้ พร้อมห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่ง เพื่อย้ำบทบาทรถสายสปอร์ตที่ “ขับเองถึงรู้ว่าโหดแค่ไหน” ตัวรถลดน้ำหนักจนต่ำกว่า 2 ตัน แม้จะยังคงความหรูและเทคโนโลยีระดับซูเปอร์จีทีครบถ้วน

หัวใจสำคัญยังคงเป็นเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ 4.0 ลิตร แบบ Non-Hybrid ที่พัฒนาใหม่ทั้งช่องข้อเหวี่ยง หัวสูบ และเทอร์โบขนาดใหญ่ จ่ายพละกำลัง 666 แรงม้า และแรงบิด 800 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ 8 สปีดสั่งจูนเฉพาะรุ่นนี้ ผลลัพธ์คืออัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุด 310 กม./ชม. ยืนหนึ่งเรื่องสมรรถนะตามสไตล์ “รถขับหลังสุดโหด” ของเบนท์ลีย์

ช่วงล่าง ระบบบังคับเลี้ยว และ ESC ถูกปรับใหม่หมด ทั้งระบบ eLSD แบบใหม่ที่ผสานกับ Torque Vectoring เพื่อให้เข้าโค้งได้คมกว่า Continental GT Speed ถึง 30% ยางสมรรถนะสูง Pirelli Trofeo RS ถูกเลือกให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานร่วมกับล้อ 22 นิ้วที่พัฒนากับ Manthey Racing เบรกคาร์บอน-เซรามิกไซซ์ยักษ์ 440 มม. ด้านหน้าและ 410 มม. ด้านหลัง ช่วยหยุดแรงม้า 666 ตัวได้แบบมั่นใจทุกสถานการณ์

ด้านอากาศพลศาสตร์ เบนท์ลีย์ยอมเปลี่ยนแทบทั้งคัน—กันชนหน้า สปลิตเตอร์ใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แบรนด์ บังโคลน ดิฟฟิวเซอร์หลัง สเกิร์ตข้าง ปีกหลังคงที่ และหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ ส่งผลให้รุ่น Supersports สร้างแรงกดมากกว่า GT Speed สูงสุด 300 กิโลกรัม และลดจุดศูนย์ถ่วงให้เตี้ยลงชัดเจน สัดส่วนการกระจายน้ำหนักใหม่อยู่ที่ 54:46 เมื่อจอดนิ่ง ก่อนถ่ายน้ำหนักไปล้อหลังมากขึ้นเมื่อรถออกตัว

ภายในปรับใหม่ทั้งหมดสำหรับโลกของรถขับหลัง 2 ที่นั่ง เบาะสปอร์ตแบบใหม่จัดวางต่ำกว่าเดิม รองรับสรีระด้านข้างมากขึ้น ส่วนพื้นที่ด้านหลังถูกแทนด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์และการหุ้มหนัง พร้อมตัวเลือกการตกแต่งแบบโมโนโทน ดูโอโทน และไตรโทน ตัดด้วยหนังไดนามิกาและคาร์บอนไฟเบอร์เต็มรูปแบบ บรรยากาศภายในถูกออกแบบให้ “โหดเท่แบบรถแข่ง แต่ยังเป็นเบนท์ลีย์ในทุกมุมมอง”

ระบบไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovič ได้รับการจูนเสียงใหม่ให้ดุดันกว่าเดิมโดยไม่ต้องพึ่งลำโพงช่วย เสียง V8 แบบครอสเพลนถูกขับออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างเอกลักษณ์ใหม่ของชื่อ Supersports

Continental GT Supersports รุ่นนี้ผลิตจำนวนจำกัด 500 คันทั่วโลก พร้อมหมายเลขเฉพาะแต่ละคัน ยืนยันทิศทางใหม่ของเบนท์ลีย์ในยุคที่รถสปอร์ตตัวจริงต้องขับหลัง น้ำหนักเบา ให้ฟีล “ขับเองมันที่สุด” และยังคงความหรูระดับอภิมหาเจ้าแห่ง Grand Tourer อย่างสมศักดิ์ศรี

BentleyBentley Continental GT Supersportspropertychannelเกาะติดชีวิตคนเมือง
Comments (0)
Add Comment