‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ เดินหน้าไม่หยุด ทุ่มเงิน 1,400 ล้าน เนรมิต ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ อาคารศูนย์การเรียนรู้สุดอลังการ เตรียมเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง พร้อม Immersive Experience เร็วๆ นี้

808

‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ โครงการอสังหาฯ ใหญ่สุดประเทศไทยมูลค่า 125,000 ล้านบาท ตอกย้ำเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยเผยงานสาธารณูปโภค และอุโมงค์คืบหน้าแล้ว 95% เร่งงานก่อสร้างโครงการพักอาศัยต่อเนื่อง พร้อมทุ่มเงิน เนรมิต ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ อาคารศูนย์การเรียนรู้สุดอลังการ มูลค่ากว่า 1,400 ล้าน จัดแสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดโครงการ ผ่าน Immersive Experience ที่ออกแบบโดยผู้ออกแบบ experienceระดับโลก เตรียมเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง พร้อม Immersive Experience เร็วๆ นี้ ล่าสุดมียอดจองที่วางเงินมัดจำ แล้วมูลค่าขายกว่า 4,000 ล้านบาท แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก  

นายกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) หนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบัน การก่อสร้างโครงการมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ แม้ว่าทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทั้งในเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจก็ตาม เป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นที่ภาคเอกชนมีต่อเศรษฐกิจและอนาคตของประเทศไทย โดยการตัดสินใจของ MQDC ที่จะพัฒนาโครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ด้วยวิสัยทัศน์การสร้างโครงการเมืองแห่งแรกในโลกที่ทุกมิติถูกออกแบบโดยเฉพาะเพื่อวัตถุประสงค์หลักอย่างเดียวคือส่งเสริมให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดียิ่งขึ้น เป็นบทพิสูจน์ที่สะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ทุกคนมีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น และเห็นความสำคัญในเรื่องของการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดี

 ทั้งนี้โครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยมูลค่า  125,000 ล้านบาท โดยจะเป็นโครงการเมืองแห่งแรกในโลกออกแบบทุกมิติเพื่อการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความ สุขมากขึ้นอย่างแท้จริง ปัจจุบันงานสาธารณูปโภคและอุโมงค์คืบหน้าไปแล้ว ถึง 95% และกำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการพักอาศัยต่า งๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยขณะนี้ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ มียอดจองที่วางเงินมัดจำเรียบร้อยแล้ว รวมมูลค่าขายกว่า 4,000 ล้านบาท แม้ว่าทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบทั้งในเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจก็ตาม

นอกจากนี้ โครงการได้ทุ่มเงินลงทุนจำนวนกว่า 1,400 ล้านบาท สร้าง ‘ฟอเรส พาวิลเลี่ยน’ อาคารศูนย์การเรียนรู้ที่ยิ่งใหญ่อลังการเพื่อจัดแสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดของ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ผ่านการถ่ายทอดแบบ Immersive experience จากผู้ออกแบบ experience ระดับโลก โดยขณะนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเตรียมเปิดให้ผู้สนใจเข้าชมได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564

72990

โครงการ ‘ฟอเรส พาวิลเลี่ยน’ มีพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่ ประมาณ 6,500 ตารางเมตร โดยเกิดจากการผนึกกำลังความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นที่สุดของโลกในด้านต่างๆ อาทิ Foster + Partners Thailand บริษัทสถาปนิกระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบอาคารฟอเรสต์ พาวิลเลียน ITEC Entertainment จากประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ออกแบบ Entertainment Experience ให้กับ ดิสนีย์แลนด์, ดิสนีย์ซี และยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ เป็นผู้ออกแบบสร้างสรรค์ประสบการณ์และสันทนาการที่จะเกิดขึ้นภายในโครงการ, VAVE Studio จากประเทศเยอรมัน เป็นผู้ออกแบบ Exhibition experience and Story creator แต่ละห้องภายใน ‘ฟอเรส พาวิลเลี่ยน’, และ BUG Studio บริษัทชื่อดังของไทย เป็นผู้ออกแบบ multi-disciplinary design เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน

อย่างไรก็ดี หนึ่งในไฮไลท์ภายใน ‘ฟอเรสต์ พาวิลเลียน’ คือ ห้องจัดแสดงที่มีชื่อว่า Chamber of Secret ที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์ของโครงการผ่านภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นที่สร้างสรรค์โดยบริษัท DEC Media แสดงบนจอ The Wall ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของโลกในปัจจุบัน โดย The Wall เป็นหน้าจอแบบไมโครแอลอีดี (microLED) ที่สามารถถ่ายถอดที่สุดแห่งประสบการณ์ล้ำสมัยของการรับชมภาพด้วยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาช่วยเพิ่มความคมชัดเพื่อมอบประสบการณ์แบบเหนือจริงให้แก่ผู้ชม

นายกิตติพันธุ์ กล่าวว่า “ปัจจัยที่สำคัญที่สุดปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดียิ่งขึ้นและมีความสุขมากขึ้น คือ การได้อยู่ใกล้ชิดกันกับสมาชิกในครอบครัวทุกเจนเนอเรชั่นและคนที่รัก ดังนั้นหนึ่งในนวัตกรรมการออกแบบที่สำคัญที่สุดของ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คือ วิธีการออกแบบและวางผังองค์ประกอบของพื้นที่ที่อยู่อาศัยทั้งหมด และองค์ประกอบต่างๆ โดยรอบโครงการ ให้มีพื้นที่ที่ตอบสนองความต้องการของคนแต่ละช่วงวัยโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นวัยเริ่มต้นทำงาน คู่สมรสใหม่ วัยสร้างครอบครัว หรือพ่อแม่สูงวัย ให้แต่ละช่วงวัยสามารถใช้ชีวิตของตัวเองได้อย่างมีอิสระและมีพื้นที่ส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกัน พื้นที่ต่างๆ ของคนทุกช่วงวัย จะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างกลมกลืน และปลอดภัย เป็นการเอื้ออำนวยให้สมาชิกในครอบครัวจากหลากหลายเจเนอเรชั่นได้มาอยู่ใกล้ชิดกันได้เป็นอย่างดี”

‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ประกอบด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ อาทิ คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘วิสซ์ดอม’ คอนโดมิเนียมแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ’ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘มัลเบอร์รี โกรฟ วิลล่า’ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ดิ แอสเพน ทรี’ ที่อยู่อาศัยแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ และโรงแรมแบรนด์ ‘ซิกส์เซนส์’ นอกจากนี้ ยังมีศูนย์การแพทย์และสุขภาพขนาดใหญ่ที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยจำนวนหนึ่ง

ในโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังมีอีกหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือ ป่าขนาดใหญ่ พื้นที่ 30 ไร่ ที่เริ่มปลูกมาตั้งแต่เป็นเมล็ดและต้นกล้า ครอบคลุมพื้นที่ใจกลางของโครงการ เป็นการนำธรรมชาติกลับคืนสู่ชุมชนและพื้นที่ที่เป็นเมือง ด้วยความเชื่อที่ว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับความมหัศจรรย์อันหลากหลายของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ส่งมอบการมีสุขภาพดีและความสุขให้กับผู้คน ถือเป็นครั้งแรกในโลก ที่ผืนป่าขนาดใหญ่เช่นนี้ถูกนำมาหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเมือง นายกิตติพันธุ์ กล่าว

อีกหนึ่งองค์ประกอบในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งไม่เคยมีในโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งไหนในประเทศไทยมาก่อน ก็คือพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยซึ่งถูกออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายยิ่งกว่าที่เคย รวมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกเฉพาะทางสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน คลับเฮาส์ และผู้ดูแลที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี

โครงการ ‘เดอะ ฟอเรสเทียส์’ ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 398 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด กม. 7 ประกอบไปด้วยโครงการที่พักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม ที่มุ่งตอบสนองความหลากหลายของไลฟ์สไตล์และขนาดของครอบครัวที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่เชิงธุรกิจสำหรับสำนักงาน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ร้านค้าปลีก ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงพื้นที่ Family Centerสำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ของครอบครัว และพื้นที่ Town Center สำหรับกิจกรรมชุมชนและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ โรงละคร อีเวนต์ฮอลล์ ตลาด และหนึ่งในไฮไลท์ของโครงการคือ ทางเดินยกระดับความยาวกว่า 1.6 กิโลเมตร ซึ่งรวมทางเดินที่เชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ และองค์ประกอบหลาย ๆ ส่วนในโครงการและทางเดินที่ทอดตัวอยู่เหนือผืนป่าซึ่งอยู่บริเวณใจกลางโครงการ มอบเป็นเส้นทางเดินเท้าท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

Leave A Reply

Your email address will not be published.