Tealive บุกตลาดไทย ชิงส่วนแบ่งชานมไข่มุกกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท เปิด 3 สาขาแรก พร้อมแคมเปญ “ชนทุกชาเลนจ์”

Tealive แบรนด์เครื่องดื่มชาจากประเทศมาเลเซีย ภายใต้การบริหารของ Loob Holding Sdn. Bhd. เดินหน้ารุกตลาดประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ผ่านความร่วมมือกับ Restaurants Development (RD) หวังชิงส่วนแบ่งตลาดชานมไข่มุกไทยที่มีมูลค่าสูงกว่า 26,000 ล้านบาท

ข้อมูลจากงานสัมมนา “Cartons of Multisensory Innovation” ปี 2024 ระบุว่า ตลาดชานมไข่มุกในภูมิภาคอาเซียนมีมูลค่ารวมราว 3,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 128,000 ล้านบาท โดยอินโดนีเซียครองส่วนแบ่งสูงสุด ขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับ 2 ด้วยมูลค่าประมาณ 750 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 26,250 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน พฤติกรรมผู้บริโภคสะท้อนว่า คนไทยเป็นกลุ่มที่ดื่มชานมไข่มุกมากที่สุดในอาเซียน เฉลี่ย 6 แก้วต่อเดือน สูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 3 แก้วต่อเดือน

เปิดเกมตลาดด้วย “ราคาเข้าถึงได้ + ชาคุณภาพ”

นายแอนดรูว์ เจมส์ นอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Restaurants Development ระบุว่า ไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงจากพฤติกรรมการบริโภคและขนาดตลาดที่เติบโตต่อเนื่อง การนำ Tealive เข้ามาครั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเข้าถึงผู้บริโภควงกว้าง ด้วยจุดขายด้านคุณภาพและราคาที่จับต้องได้

ปัจจุบัน Tealive มีสาขามากกว่า 1,000 แห่งทั่วโลก โดยใช้ใบชานำเข้าจากไต้หวัน ชงสดทุกแก้ว และจัดเก็บวัตถุดิบด้วยระบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อรักษาคุณภาพของรสชาติ

ชูเมนูซิกเนเจอร์ + แคมเปญเปิดตลาด

การเปิดตัวในไทยมาพร้อมแคมเปญ “ชนทุกชาเลนจ์” เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์แบรนด์ในฐานะชาที่เข้าถึงง่าย เมนูหลักที่ใช้เปิดตลาดคือ “แบงแบง ชานม ไข่มุกอุ่นบราวน์ชูการ์” รวมถึงการนำชา “ต้าหงเผา (Da Hong Pao)” จากจีนมาเป็นวัตถุดิบในบางเมนู

เปิดแล้ว 3 สาขาแรกในกรุงเทพฯ

ปัจจุบัน Tealive Thailand เปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา ได้แก่

• Major Ratchayothin

• Lotus Rattanathibet

• Lotus Sukhumvit 50

โดยบริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมในระยะถัดไป เพื่อเพิ่มการเข้าถึงผู้บริโภคในพื้นที่เมืองและชุมชน

ตลาดแข่งเดือด แบรนด์ใหม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง

การเข้ามาของ Tealive ถือเป็นอีกหนึ่งการแข่งขันในตลาดชานมไข่มุกไทยที่มีผู้เล่นจำนวนมาก ทั้งแบรนด์ท้องถิ่นและแบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งการแข่งขันไม่ได้อยู่เพียงแค่รสชาติ แต่รวมถึงราคา ทำเล และประสบการณ์หน้าร้าน โดยหลังจากนี้ Tealive ยังต้องพิสูจน์ศักยภาพในการสร้างการรับรู้แบรนด์ และการรักษาฐานลูกค้าในระยะยาวต่อไป