แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น (AWC) เดินหน้าขยายพอร์ตโฟลิโอด้านท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ ด้วยการจับมือ บริษัทสถาปนิก 49 (A49) วางแผนออกแบบโครงการใหม่ในทำเลท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก
โครงการที่อยู่ในแผน อาทิ โรงแรมแฟร์มอนท์ สุขุมวิท, เจดับบลิว แมริออท รัชดาภิเษก, พาราดิซุส จอมเทียน และโครงการเชิงศิลปวัฒนธรรม-รีเทลริมน้ำ โดยทั้งหมดจะใช้แนวทางออกแบบที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมสากลกับเอกลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อสร้างจุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยว และตอบโจทย์ความยั่งยืนในระยะยาว
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ แอสเสท เวิรด์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “AWC ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สานต่อความร่วมมือระยะยาวกับ A49 พันธมิตรที่ร่วมสร้างสรรค์ AWC’s Lifestyle Destination ผ่านหลากหลายโครงการคุณภาพมาอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณ A49 สำหรับวิสัยทัศน์ร่วมกันที่จะสร้างสถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เข้ากับอัตลักษณ์ท้องถิ่นและความยั่งยืนได้อย่างลงตัว อาทิ อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล โครงการ ‘เอ-ญ่า’ รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ ซึ่งพัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์รูฟทอปที่ใหญ่และสูงที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ โรงแรม อินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท และล่าสุดคือสถาปัตยกรรมของโครงการ Jurassic World: The Experience และ Hatch Dome ที่เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น โดยโครงการต่างๆ ที่ AWC พัฒนาร่วมกับ A49 และพันธมิตรระดับโลก เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์คุณค่าระยะยาวที่ยั่งยืน ส่งต่อแรงบันดาลใจ สู่ประสบการณ์พิเศษที่ผู้มาเยือนได้ร่วมประทับใจ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมประเทศไทยในฐานะผู้นำจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก สอดคล้องพันธกิจของ AWC ‘Building Better Future For All’ เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับทุกคน”
ที่ผ่านมา AWC และ A49 เคยร่วมงานกันแล้วในหลายโครงการ เช่น อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล ซึ่งได้มาตรฐาน LEED ระดับ Gold และโครงการอินน์ไซด์ บาย มีเลีย สุขุมวิท ที่ได้มาตรฐาน EDGE รวมถึง Jurassic World: The Experience ที่เอเชียทีค
มุมวิเคราะห์
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนทิศทางของ AWC ที่เน้น “แลนด์มาร์กเดสติเนชัน” มากกว่าการสร้างโรงแรมทั่วไป โดยการออกแบบที่ผสานความเป็นไทยเข้ากับมาตรฐานสากล ช่วยสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาดโรงแรมและรีเทลหรู ที่กำลังเผชิญการแข่งขันสูงจากทั้งผู้เล่นไทยและต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังอยู่ที่ซัพพลายโรงแรมใหม่ในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลักที่กำลังทยอยเปิดตัวหลังโควิด ซึ่งอาจกดดันอัตราการเข้าพักและราคาห้องพักในระยะสั้น ขณะที่ฝั่งรีเทลและเอนเตอร์เทนเมนต์ต้องพึ่งพากำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก
สำหรับ A49 การร่วมมือกับ AWC ช่วยต่อยอดบทบาทบริษัทสถาปนิกไทยที่สามารถแข่งขันในระดับสากล และเป็น “ตัวจริง” ในการออกแบบโครงการขนาดใหญ่ในไทย แต่ความท้าทายคือการรักษาสมดุลระหว่างงานออกแบบที่โดดเด่นกับข้อจำกัดด้านต้นทุนและความคุ้มค่าทางการลงทุนของผู้พัฒนา
ในภาพรวม การจับมือ AWC–A49 จึงถูกมองว่าเป็นการ “ขยับเกม” เพื่อปักธงสร้างแลนด์มาร์กท่องเที่ยวไทยในระดับโลก แต่การพิสูจน์ผลลัพธ์ยังอยู่ที่การดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้จริงในระยะยาว