“Cinquième กรุงเทพกรีฑา” บ้านหรูใหม่จาก A5 “ความสงบในแบบ Quiet Luxury”
ตลาดบ้านหรูฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ยังร้อนแรงไม่หยุด โดยเฉพาะย่าน กรุงเทพกรีฑา–พัฒนาการ–รามอินทรา ที่กลายเป็น “อาณาจักรใหม่ของบ้านลักชัวรี” ซึ่งแบรนด์ใหญ่อย่าง A5 ก็ไม่พลาดจะลงสนาม ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ล่าสุด “Cinquième” (แซงเคียม) ที่ไม่ได้เน้นโชว์ แต่เน้น “ความสุขที่ไม่ต้องอวด”
นายศุภโชค ปัญจทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท ไฟว์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ A5 พร้อมเดินหน้าแผน 3 ปี (2569–2571) เปิดตัวโครงการแนวราบระดับลักชัวรีรวม 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,130 ล้านบาท เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับบน และสร้างพอร์ตโครงการรวม 17 โครงการ มูลค่ากว่า 20,560 ล้านบาท ภายในปี 2571
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 บริษัทมีรายได้รวม 698.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 101.23 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 37.54% สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนและความแข็งแกร่งของดีมานด์ในตลาดบ้านหรู ขณะที่ Interest Coverage Ratio อยู่ที่ 3.09 เท่า สูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำ 2.50 เท่า แสดงถึงฐานะทางการเงินที่มั่นคง โดยมี Net IBD/E 1.00 เท่า และ DE Ratio 1.42 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับปลอดภัยต่อการเติบโตระยะยาว
ปัจจุบันบริษัทมี Backlog มูลค่า 436 ล้านบาท (ข้อมูล 30 กันยายน) ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ Q4 เป็นต้นไป ท่ามกลางภาวะตลาดที่ยังท้าทาย สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารพอร์ตและความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์

จาก “Cinq Royal” สู่ “Cinquième”: เส้นทางใหม่ของ A5
หลังจากสร้างชื่อจากโครงการ Cinq Royal Krungthep Kreetha ที่ขายหมดในเวลาไม่ถึง 3 ปี A5 ดูเหมือนจะตั้งใจต่อยอดความสำเร็จในย่านเดิม แต่เปลี่ยนจุดขายจาก “หรูแบบอลัง” ไปสู่ “หรูแบบนิ่ง” ภายใต้คอนเซ็ปต์ Quiet Luxury — ความหรูที่เน้นคุณภาพ พื้นที่ และการดีไซน์ที่มีชั้นเชิงมากกว่าความฟู่ฟ่า
ชื่อแบรนด์ “Cinquième” มาจากเขตที่ 5 ของกรุงปารีส (Cinquième Arrondissement) ซึ่งเป็นย่านที่ผสมความคลาสสิกกับความร่วมสมัยได้ลงตัว เหมือนสิ่งที่ A5 พยายามจะทำในตลาดบ้านหรูไทยตอนนี้ — สร้างบ้านที่ “ไม่ต้องเรียกร้องความสนใจ แต่ใครเห็นก็รู้ว่ามีรสนิยม”
วิเคราะห์ทำเล: “กรุงเทพกรีฑา” ศูนย์กลางใหม่ของบ้านหรูฝั่งตะวันออก
จุดที่น่าสนใจจริง ๆ ของโครงการนี้ไม่ได้อยู่ที่ชื่อแบรนด์ แต่อยู่ที่ “ทำเล”
เพราะย่าน กรุงเทพกรีฑา วันนี้กลายเป็น “Luxury Cluster” ที่มีทั้งนักพัฒนาเจ้าใหญ่ และผู้เล่นระดับลักชัวรีแห่เข้ามาปักหมุด
-
การเดินทาง: ทำเลนี้เชื่อมได้ทั้งวงแหวนตะวันออก มอเตอร์เวย์ และถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ซึ่งลากยาวไปออกบางนาและพัฒนาการได้ในเส้นเดียว ใกล้สุวรรณภูมิราว 15 กม. — ถือว่าตอบโจทย์ทั้งกลุ่มนักธุรกิจและเจ้าของกิจการที่ต้องเดินทางบ่อย
-
สภาพแวดล้อม: บรรยากาศของกรุงเทพกรีฑายัง “ไม่เมือง” เท่าบางนา แต่ก็ไม่ “ชานเมือง” จนไกลเกินไป พื้นที่ยังมีความร่มรื่น มีฟุตปาธ กำลังพัฒนาเป็นโซนอยู่อาศัยพรีเมียมชัดเจน
-
ดีมานด์: กลุ่มซื้อส่วนใหญ่เป็นคนไทยรายได้สูงที่มองหาบ้านจริง (Real Demand) มากกว่านักลงทุน ต่างจากตลาดบ้านหรูโซนสุขุมวิทหรือบางนา ที่เริ่มมีสัดส่วนของกลุ่มเก็งกำไรหรือปล่อยเช่ามากขึ้น
-
การเติบโตของพื้นที่: การเกิดของโครงการใหม่ ๆ ทั้งจาก A5, Narai, Sammakorn รวมถึงเจ้าของที่ดินรายใหญ่ที่เริ่มจับเซกเมนต์ลักชัวรีมากขึ้น แปลว่าทำเลนี้กำลังอยู่ในช่วง “ก่อนพีค” — ราคาที่ดินยังมีช่องว่างเติบโต
ในมุมนี้ A5 มองขาด เพราะเลือกจับทำเลที่มี “มูลค่าเพิ่มระยะยาว” มากกว่าเล่นสั้น
แนวคิด “Quiet Luxury” ในแบบไทยที่ไม่เฟค
จุดที่น่าสนใจคือ A5 พยายามจะเล่าแนวคิด “Quiet Luxury” ให้คนไทยเข้าใจได้จริง
ไม่ใช่แค่ใช้คำเท่ ๆ แล้วจบ แต่แปลออกมาเป็นดีไซน์และฟังก์ชันจริง เช่น การใช้วัสดุโทนธรรมชาติ การเล่นแสงเงาในพื้นที่บ้าน และการออกแบบให้ทุกมุมรู้สึก “อยู่แล้วสบายใจ” มากกว่าหรูหราด้วยราคา
อีกส่วนที่ทำให้แบรนด์นี้ดู “รู้เรื่อง” คือการจับมือกับ Euro Creations นำแบรนด์อิตาเลียนอย่าง Molteni&C และ Poltrona Frau มาช่วยคุมดีไซน์ภายใน ซึ่งสะท้อนภาพกลุ่มลูกค้าได้ชัด — ไม่ใช่เศรษฐีใหม่ แต่เป็นกลุ่มที่ “รู้คุณค่าของของดี”
สรุปมุมมองตลาด
“Cinquième กรุงเทพกรีฑา” อาจไม่ใช่บ้านสำหรับคนที่อยากโชว์ว่าซื้อบ้าน 60 ล้านได้
แต่น่าจะถูกใจกลุ่มที่อยากได้ “บ้านเงียบ ๆ ที่สวยทุกมุม” ในทำเลที่ยังมีโอกาสโตอีกมากในอีก 5–10 ปีข้างหน้า
และถ้ามองภาพรวม A5 วันนี้กำลังเปลี่ยนจากแบรนด์ที่ “แค่ทำบ้านหรู” ไปเป็นผู้เล่นที่ “เข้าใจจิตวิทยาคนซื้อบ้านหรู” มากขึ้นเรื่อย ๆ — จุดนี้แหละที่น่าจับตา