Flexi Mega Space Bangna คอนโดโลว์คาร์บอนที่ตั้งใจจริงจังที่สุดในบางนา
Flexi Mega Space Bangna
Flexi Mega Space Bangna คอนโดโลว์คาร์บอนที่ตั้งใจจริงจังที่สุดในบางนา
เพราะคำว่า “ลดคาร์บอน” สำหรับพวกเขา ไม่ใช่สโลแกน แต่คือระบบชีวิตของโครงการทั้งระบบ
ในย่านบางนา พื้นที่ที่เต็มไปด้วยห้างใหม่ การลงทุนใหม่ และโครงการอสังหาฯ ที่ผุดขึ้นราวกับสนามแข่งขันของนักพัฒนาเมือง มีคอนโดหนึ่งโผล่ขึ้นมาแบบเงียบ ๆ แต่เสียงของมันชัดเจนกว่าหลายเจ้าในตลาด เสียงนั้นคือคำว่า “โลว์คาร์บอน”
ไม่ใช่เพียงคอนเซ็ปต์ตกแต่งหรือข้อความบนป้ายขาย แต่เป็น “ภารกิจจริง” ที่ฝังอยู่ในทุกตารางเมตรของโครงการ Flexi Bangna
คอนโดที่ตั้งใจ “ลด” ทุกสิ่งที่ควรลด — ตั้งแต่คาร์บอนในอากาศ ไปจนถึงพฤติกรรมสิ้นเปลืองของผู้อยู่อาศัย
🌿 บางนา: ทำเลแห่งอนาคต กับสนามทดสอบความยั่งยืน

ย่านบางนาในวันนี้ไม่ใช่แค่ประตูสู่ภาคตะวันออกอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่” ที่เต็มไปด้วยการลงทุนระดับหมื่นล้าน มีทั้งเมกะโปรเจ็กต์ ห้างศูนย์การค้า และพื้นที่สำนักงานจากกลุ่มทุนใหญ่ ทำให้ภาพรวมของบางนาในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ามีโอกาสเติบโตเทียบเท่าพระราม 9 หรือรัชดาในอดีต
“เราเลือกบางนา เพราะมันคือพื้นที่ที่กำลังขยายตัวแบบสมดุล”
“มันไม่แน่นเกินไปเหมือนสุขุมวิท และยังมีพื้นที่สีเขียวกับระบบขนส่งที่กำลังพัฒนา เราอยากพิสูจน์ว่าแนวคิด Low Carbon Urban Living มันเกิดขึ้นได้จริงที่นี่”
☀ จากแนวคิด ‘คอนโดโลว์คาร์บอน’ สู่การออกแบบที่จับต้องได้
Flexi Bangna มีจำนวน 807 ยูนิต ซึ่งไม่มากเมื่อเทียบกับโครงการในย่านเดียวกัน แต่สิ่งที่ต่างคือ “วิธีคิด” แต่เลือกวัดด้วย “ปริมาณคาร์บอนที่ลดลงได้”
จากการคำนวณภายในโครงการ Flexi สามารถ ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ได้มากกว่า เมื่อเทียบกับคอนโดขนาดใกล้เคียงกัน โดยอาศัยการออกแบบที่มองเรื่อง “พลังงาน” และ “การใช้ชีวิต” เป็นระบบเดียวกัน เช่น
-
ติดตั้งโซลาร์เซลล์ “ทุกจุดที่แสงตกถึง” — ตั้งแต่ไฟส่องทาง เดิน ไปจนถึงหัวพ่นน้ำในสวน
-
EV Charging Station ที่เพิ่มจำนวนตามอัตราการใช้จริง พร้อมระบบบริหารจัดการให้ชาร์จในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อลดภาระโหลดไฟตอนกลางคืน
-
Smart Parking System ที่รายงานตำแหน่งที่จอดว่างแบบเรียลไทม์ เพื่อลดการ “วนรถ” ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งปล่อยคาร์บอนที่มักถูกมองข้าม
“เราพยายามทำให้ทุกจุดในโครงการ ‘ผลิตไฟได้เอง’
และทุกครั้งที่ต้องใช้ไฟ ให้ใช้เท่าที่จำเป็นจริง ๆ”
ทีมดีไซน์เล่าอย่างเรียบง่ายแต่ชัดเจน
🌳 ต้นไม้: พันธกิจที่ไม่ใช่แค่ตกแต่ง ตัวเลขที่น่าสนใจคือ เสนาฯ ในฐานะพันธมิตรด้านการพัฒนาและสิ่งแวดล้อมของ Flexi การลดคาร์บอน เที่ยบกับการปลูกต้นไม้กว่า 128,282 ต้นต่อปี เพื่อสวนกลางของ Flexi เองก็ไม่ได้ทำเพื่อ “สวย” แต่ถูกออกแบบให้มี “อัตราการดูดซับคาร์บอนสูงกว่าต้นไม้ทั่วไป” และเน้นพันธุ์ไม้ที่โตเร็ว ทนแดด ทนฝน “เราไม่ได้คิดถึงต้นไม้ในฐานะ ‘ของตกแต่ง’ แต่ในฐานะเครื่องกรองอากาศธรรมชาติที่ดูแลคนอยู่”
🧠 Smart Living = Smart Carbon Management
อีกหนึ่งไฮไลต์ของ Flexi คือแนวคิด “ชีวิตอัจฉริยะเพื่อโลก” ไม่ใช่แค่มีแอปควบคุมไฟหรือกล้อง แต่คือการใช้ AI และระบบอัตโนมัติ เพื่อลดพฤติกรรมที่สิ้นเปลือง
ระบบ Smart Security จะคอยตรวจจับความเคลื่อนไหวในห้อง เช่น การเคลื่อนย้ายของผิดปกติ หรือของชิ้นใหญ่ที่ออกจากยูนิตโดยไม่ได้แจ้ง เพื่อเพิ่มความปลอดภัย แต่เบื้องหลังคือระบบนี้ยัง “คอยปิดพลังงานอัตโนมัติ” ในจุดที่ไม่ได้ใช้งาน ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าซ้ำซ้อน
Smart Application ของโครงการยังรวมฟังก์ชันบริหารพัสดุ การติดต่อกับนิติ และระบบแจ้งซ่อมออนไลน์ไว้ในที่เดียว ทั้งหมดเชื่อมกับฐานข้อมูลพลังงาน ทำให้โครงการสามารถคำนวณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละโซนแบบเรียลไทม์ และปรับการใช้ได้อัตโนมัติ
“เราอยากให้การอยู่ Flexi เป็นชีวิตที่ลดคาร์บอนโดยไม่รู้ตัว
คือแค่ใช้ชีวิตตามปกติ แต่ระบบรอบตัวมันช่วยลดแทนให้หมดแล้ว”
🪴 Universal Design & Flexible Function: อยู่สบายทุกวัย
นอกจากเรื่องพลังงาน โครงการยังเน้นการออกแบบแบบ Universal Design ที่เข้าใจทั้งวัยรุ่น เจนซี ไปจนถึงครอบครัวเล็กหรือผู้สูงอายุ
ทุกห้องสามารถ “ปรับฟังก์ชัน” ได้ตามไลฟ์สไตล์ จากห้องนอนเดี่ยว กลายเป็นมุมทำงานหรือห้องฟิตเนสย่อม ๆ ได้โดยไม่ต้องรีโนเวตใหม่ ส่วนกลางเองก็ออกแบบให้ “เปลี่ยนได้” เช่น โซนโคเวิร์กกิ้งที่แปลงเป็นพื้นที่กิจกรรมช่วงวันหยุด หรือสวนกลางที่เปิดให้ใช้เป็นตลาดนัดรีไซเคิล
💸 คอนโดเขียวที่ราคาไม่เขียว
แม้จะอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีและแนวคิดยั่งยืน แต่ราคาของ Flexi Bangna กลับอยู่ในระดับจับต้องได้ เริ่มต้นราว 7.8–8.5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร ถือว่าต่ำกว่าคอนโดทั่วไปในย่านเดียวกันที่มีฟังก์ชันใกล้เคียง
ค่าใช้จ่ายส่วนกลางก็ยังคงอยู่ที่เพียง 32 บาท/ตร.ม. โดยโครงการเลือกใช้พลังงานทดแทนและระบบอัตโนมัติเพื่อ “ชดเชยต้นทุน” ที่ควรจะเพิ่มขึ้น ผลคือผู้พักอาศัยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ได้ระบบบริหารจัดการที่เป็นมิตรต่อโลก
นอกจากนี้ โครงการยังมีแนวคิด ที่ช่วยให้ลูกบ้านเลือกของตกแต่ง เช่น ผ้าม่าน ผ้าปู หรือแพ็กเกจเฟอร์นิเจอร์ ได้แบบทยอยจ่าย เพื่อไม่ให้ภาระทางการเงินเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตยั่งยืน
“เราคิดว่า Sustainability ไม่ควรเป็นของแพง
ทุกคนควรเข้าถึงได้ ตั้งแต่คอนโดระดับกลางไปจนถึงบ้านในอนาคต”
🚗 คอนโดที่เริ่มลดคาร์บอนตั้งแต่วันแรกที่อยู่
Flexi ตั้งใจให้ทุกยูนิตเป็นส่วนหนึ่งของ “ระบบนิเวศโลว์คาร์บอน” หมายถึงพฤติกรรมรายวันของคนอยู่
-
รถส่วนกลางและบริการร่วมใช้ (Car Sharing) สนับสนุนให้ลูกบ้านเปลี่ยนจากสันดาปสู่ EV
-
มีระบบ Energy Monitoring แจ้งเตือนผ่านแอป หากยูนิตไหนใช้พลังงานเกินมาตรฐาน
-
ระบบระบายน้ำในสวนใช้พลังงานโซลาร์
-
จุดชาร์จ EV มีการขยายอัตโนมัติตามสัดส่วนผู้ใช้จริง เพื่อให้ “สะดวกจนอยากเปลี่ยน”
พูดอีกอย่าง… แค่ซื้ออยู่วันแรกก็เริ่ม “ลดคาร์บอน” ทันที
ในตลาดคอนโดที่เต็มไปด้วยคำโฆษณาอย่าง “กรีน”, “สมาร์ท”, “ยั่งยืน”
Flexi กลับเลือกเส้นทางที่ยากกว่า — คือการ “ทำจริง” ให้ทุกอย่างวัดผลได้
มันอาจไม่ใช่โครงการที่ใหญ่ที่สุดในบางนา แต่มันอาจเป็นโครงการที่ “ตั้งใจมากที่สุด” เพราะแทนที่จะสร้างคอนโดให้โลกอยู่ได้ พวกเขากำลังสร้าง “ชีวิตใหม่” ที่คนอยู่กับโลกได้อย่างมีความหมาย