SECOM ปักหมุดสำนักงานใหญ่ใหม่ในไทย ชู “Hybrid Security” เจาะลูกค้าองค์กร–บ้านเดี่ยว เร่งขยาย B2C ด้วยแคมเปญเข้าถึงคนจริง
SECOM เดินเกมยกระดับแบรนด์ความปลอดภัยจากญี่ปุ่นสู่ตลาดไทยเต็มสูบ เปิดสำนักงานใหญ่ใหม่พร้อมศูนย์ควบคุม-โชว์รูมนวัตกรรมแบบอินเตอร์แอ็กทีฟ ชูจุดขาย “Hybrid Security” ผสาน AI กับ รปภ. มืออาชีพ ตอบโจทย์ B2B – B2C รับแรงกระแทกต้นทุนแรงงาน พร้อมเดินหน้าลุยตลาดบ้านเดี่ยว ผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์ “บอย ปกรณ์” เจาะกลุ่มครัวเรือนให้รู้จักมากกว่าคำว่า “รปภ.”
SECOM เดินเกมลึก ขยับฐานธุรกิจจาก B2B สู่ B2C ตั้งสำนักงานใหญ่ใหม่ในไทย ผนึกศูนย์ควบคุม + โชว์รูม + Demo Café ดันภาพแบรนด์ ‘Smart Security’ เข้าถึงคนจริง
SECOM (ซีคอม) ผู้ให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยครบวงจรจากญี่ปุ่น เปิดสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ในไทยภายใต้ธีม “Real Protection. Real People.” พร้อมชูโมเดล “Hybrid Security” รวมเทคโนโลยี AI กับทีมรักษาความปลอดภัยมืออาชีพ ตอบโจทย์การควบคุมต้นทุนแรงงานและความต้องการด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย ทั้งในกลุ่มลูกค้าองค์กร (B2B) และกลุ่มบ้านเดี่ยว (B2C) ที่กำลังเติบโต
จาก “รปภ.” สู่ “Smart Security Partner”
ที่ผ่านมา SECOM มักถูกจดจำในฐานะผู้ให้บริการ รปภ. สำหรับอาคารและองค์กร แต่การเติบโตของเทคโนโลยี รวมถึงแรงกดดันด้านต้นทุนค่าจ้าง ทำให้ SECOM ปรับทิศสู่การเป็น “Smart Security Brand” ที่ผสานระบบอัจฉริยะกับบุคลากร ผ่านศูนย์ควบคุม 24 ชม. ที่สำนักงานใหญ่ใหม่ พร้อมโชว์ “Interactive Security Experience” ให้ลูกค้าเห็นภาพจริง

นายคิโยชิ โมริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักษาความปลอดภัย ไทยซีคอม จำกัด ย้ำว่า “ประเทศไทยคือหัวใจของ SECOM ในภูมิภาคอาเซียน” พร้อมระบุว่าการรวมศูนย์ Control Center, Demo House และ Demo Café ไว้ที่เดียวกัน เป็นการยกระดับทั้งการปฏิบัติงานภายในและการสื่อสารกับลูกค้าในรูปแบบใหม่
Hybrid Security: เกมรุกใหม่ในยุคต้นทุนแรงงานพุ่ง
SECOM วางแนวทาง “Hybrid Security” เป็นหัวใจหลักของบริการ นำระบบกล้อง AI, ระบบแจ้งเตือนอัจฉริยะ และทีมปฏิบัติการจากศูนย์ควบคุม 24 ชม. มาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หน้างาน เพื่อควบคุมต้นทุน ขยายพื้นที่บริการ และเพิ่มความแม่นยำในการตอบสนอง
นายเอกรัฐ วิภาณุรัตน์ กรรมการบริษัทฯ ระบุว่า แนวคิดนี้ตอบโจทย์ต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้น และยกระดับมาตรฐานบริการจากแค่ “เฝ้ายาม” ไปสู่การ “วิเคราะห์สถานการณ์ล่วงหน้า” ด้วยเทคโนโลยี
B2B ยึดฐานองค์กรใหญ่ – B2C เร่งโต เจาะบ้านเดี่ยว
SECOM ยังเดินหน้ารักษาฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ห้างฯ และธุรกิจบริการที่มีหลายสาขา เช่น ธนาคารยูโอบี ที่ใช้บริการกว่า 140 สาขาทั่วประเทศ ซึ่งให้เครดิต SECOM ว่าเป็น “มากกว่าผู้ให้บริการ – แต่คือพาร์ตเนอร์ที่เข้าใจโจทย์ธุรกิจ”
พร้อมกันนี้ SECOM เริ่มรุกตลาด B2C หรือกลุ่มครัวเรือนและบ้านเดี่ยวอย่างจริงจังในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการใช้พรีเซ็นเตอร์ “บอย ปกรณ์” เพื่อสร้างความเข้าใจใหม่กับผู้บริโภคในวงกว้างว่า SECOM คือแบรนด์ที่เข้าถึงได้ และออกแบบระบบความปลอดภัยได้ตามโจทย์แต่ละบ้าน
เปิดบ้านให้เห็นหัวใจของแบรนด์
สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของ SECOM ไม่ใช่แค่ที่ทำงาน แต่คือ “สนามประสบการณ์” ของแบรนด์ โดยเปิดให้ลูกค้าเข้าชมศูนย์ควบคุมจริง ทดลองระบบใน Demo House และสัมผัสนวัตกรรมใน Demo Café เพื่อให้ผู้บริโภคเห็นว่าความปลอดภัยสามารถ “ออกแบบได้” ตามงบประมาณและไลฟ์สไตล์
มุมมอง: ตลาด Security Services ยังโตได้อีก – แต่ต้อง ‘ขยับความหมาย’ ของบริการ
ตลาดระบบรักษาความปลอดภัยในไทยยังคงมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะในภาคธุรกิจที่ต้องการทั้งความปลอดภัยและการควบคุมต้นทุน ขณะเดียวกันกลุ่มบ้านเดี่ยวและครัวเรือนเริ่มให้ความสำคัญกับระบบมากกว่าการจ้าง รปภ. รายบุคคล
SECOM จึงเลือกปรับกลยุทธ์จากผู้ให้บริการ “แรงงานรักษาความปลอดภัย” มาเป็นผู้ให้บริการ “ระบบรักษาความปลอดภัยแบบบูรณาการ” ทั้งในรูปแบบ Subscription รายเดือน และโซลูชันเฉพาะทางที่ปรับแต่งได้