เอพี ไทยแลนด์ ครึ่งปีแรก 2568 รายได้ 20,940 ล้าน กำไร 1,870 ล้าน – ครึ่งปีหลังลุยเปิด 34 โครงการ รวม 53,350 ล้าน

บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 (รวม 100% โครงการร่วมทุน) มีรายได้รวม 20,940 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,870 ล้านบาท สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.73 เท่า โดยรายได้ครึ่งปีแรกมาจาก 4 กลุ่มธุรกิจหลักและหนึ่งธุรกิจใหม่ ดังนี้

โครงสร้างรายได้ครึ่งปีแรก 2568

• กลุ่มบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด – รายได้จากการโอนบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดในหลายทำเลกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงโครงการ “บ้านกลางเมือง” และ “อภิทาวน์” ในต่างจังหวัด ยังคงเป็นสัดส่วนรายได้สูงสุดของบริษัท ด้วยราคาขายต่อยูนิตเฉลี่ย 5–15 ล้านบาท

• กลุ่มทาวน์โฮม – ทำเลเมืองและรอบเมือง เช่น THE EDITION สาทร – กัลปพฤกษ์ กับดีไซน์ “XAVIER” 3 ชั้นเล่นระดับ ทำยอดขายต่อเนื่อง ราคาขายเฉลี่ย 3–7 ล้านบาท ครองสัดส่วนรายได้กว่าหนึ่งในสามของแนวราบ

• กลุ่มคอนโดมิเนียม – รายได้จากโครงการร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตทหลายทำเล และการโอนโครงการ ASPIRE พร้อมอยู่ มูลค่าโครงการ 1,500–2,500 ล้านบาทต่อโครงการ โดยมีราคาขายเฉลี่ย 90,000–150,000 บาท/ตร.ม.

• โครงการต่างจังหวัด – รายได้กระจายจาก “อภิทาวน์” หลายจังหวัด โดยครึ่งปีแรกมีการโอนในโครงการที่เปิดขายก่อนหน้าในนครราชสีมา ภูเก็ต และเชียงราย

• ธุรกิจใหม่ – รับสร้างบ้าน (AP Build) – เปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการในไตรมาส 2/2568 รับงานสร้างบ้านบนที่ดินลูกค้า ราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป เริ่มทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป

แผนครึ่งปีหลัง 2568

เอพี ไทยแลนด์วางแผนเปิดตัว 34 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 53,350 ล้านบาท แบ่งเป็น

• แนวราบ 26 โครงการ มูลค่า 31,650 ล้านบาท

  • บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ “BEON” ใช้แนวคิด Ultra Volume และดีไซน์ชั้นลอย Vertiplex

  • ทาวน์โฮม “XAVIER” รุ่นขยายเพิ่มสเปซ

  • ขยาย “อภิทาวน์” สู่ 3 จังหวัดใหม่ – ราชบุรี ขอนแก่น สงขลา

• คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 18,400 ล้านบาท

  • เดินหน้าร่วมทุนมิตซูบิชิ เอสเตทต่อเนื่อง

  • พร้อมโอนโครงการ ASPIRE วิภา–วิคตอรี่ มูลค่า 2,300 ล้านบาท ในไตรมาส 3

• ธุรกิจรับสร้างบ้าน

  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 4 เจาะตลาดบ้านบนที่ดินเดิมและลูกค้ากลุ่มพรีเมียม

สภาพคล่องและการเงิน

ปัจจุบันบริษัทมีวงเงินสินเชื่อพร้อมใช้ 18,619 ล้านบาท เงินลงทุนจากพันธมิตรญี่ปุ่นมูลค่า 12,619 ล้านบาท และกระแสเงินสดจากการขายและโอนกว่า 200 โครงการ ช่วยรองรับการลงทุนและเปิดโครงการใหม่ได้ต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจยังมีความผันผวน