พลังของ “สี” ที่เปลี่ยนเมือง จากย่านเก่า…สู่เมืองมีชีวิตในเทศกาลดีวาลี

359

พาหุรัด-คลองโอ่งอ่างกำลังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะ “นิปปอนเพนต์” จับมือ “ททท.” และ “กทม.” ส่งพลังของสีลงสู่เมือง ผ่านงาน “Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025” เทศกาลแห่งแสงสว่างที่ครั้งนี้ไม่ได้มีแค่แสงเทียน…แต่มี “สี” เป็นเครื่องมือปลุกย่านให้ตื่น

สีที่เคยอยู่ในกระป๋อง ถูกแปรเปลี่ยนเป็น Art Wall และ Art Street รวม 8 จุดในย่านพาหุรัด–คลองโอ่งอ่าง กลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ที่เล่าเรื่อง “Little India” ในมุมสตรีท — ทั้งลวดลายผ้าอินเดีย ดอกไม้เรขาคณิต วัดซิกข์ และตลาดผ้า ที่ถูกตีความผ่านศิลปินท้องถิ่นและสีคุณภาพระดับโลกของนิปปอนเพนต์

ใครเดินผ่านตรอกอินเดียเอ็มโพเรียม หรือข้ามทางม้าลายหน้าวัดซิกข์ จะเริ่มรู้สึกได้ว่าความเก่าของย่านนี้ไม่ได้หายไปไหน แต่มันถูก “รีเฟรม” ให้สดขึ้น ฉูดขึ้น และมีพลังของศิลปะเข้ามาแทนที่รอยซีดของผนังเดิม

เมืองที่สวย = เมืองที่มีเศรษฐกิจ

72990

“พลังของสี” ที่คุณวัชระ ศิริฤทธิชัย จากนิปปอนเพนต์พูดถึง แนวคิด “Colouring Lives” ที่บริษัทใช้ทำ CSR ทั่วเอเชีย – สีต้องสร้างผลลัพธ์ให้ชุมชนจับต้องได้จริง

ครั้งนี้ พาหุรัดจึงไม่ได้แค่สวยขึ้น แต่เริ่มกลายเป็น “ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์” ขนาดย่อมที่เชื่อมศิลปะกับการท่องเที่ยวเข้าหากัน นักท่องเที่ยวจะได้ถ่ายรูป เดินเล่น จับจ่ายในตลาดผ้า และได้เห็นความร่วมมือระหว่างเอกชน–รัฐที่ขยับอย่างมีสไตล์

เพราะทุกครั้งที่เมืองถูกแต่งเติมอย่างถูกวิธี เศรษฐกิจก็จะเริ่มหมุนในระดับล่างสุดก่อนเสมอ —ร้านน้ำชาเปิดไฟอีกดวง ร้านขายผ้าเก็บหน้าร้านใหม่ และคนก็เริ่มอยากกลับมาเดินเล่นในย่านที่เคยหล่นหายไปจากแผนที่ความทรงจำของกรุงเทพฯ

ศิลปะที่ใช้ “สี” เป็นเครื่องมือฟื้นเมือง

โครงการนี้ไม่ได้แค่ระบายสีบนกำแพง แต่มันคือการทาสีเมืองด้วยแนวคิดใหม่ของการอยู่ร่วมกัน — ศิลปะไม่ได้อยู่แค่ในแกลเลอรี แต่มันอยู่ในตรอก อยู่บนทางม้าลาย อยู่ในสายตาของคนเดินตลาด

นิปปอนเพนต์เลือกใช้สีนวัตกรรม 4 ชนิด ทั้งสีนอกอาคารเกรดอัลตร้าพรีเมียมและสีจราจรที่ทนแดดฝน เพื่อให้ผลงานศิลปะอยู่กับย่านนี้ได้ยาว ๆ ไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาล 16–31 ตุลาคม แต่ยาวไปถึง 15–20 ปีข้างหน้า

เพราะความสวยงามถ้าไม่ยั่งยืน ก็ไม่ต่างจากการแต่งหน้าชั่วคราวให้เมือง

แสง สี และชีวิตใหม่ของย่านเก่า

ช่วงเทศกาล “Amazing Thailand Grand Diwali Festival 2025” เมืองทั้งย่านจะเรืองแสงด้วยไฟดีวาลีและสีบนผนังใหม่ที่ฉูดฉาดราวกับผ้าไหมอินเดีย มันคือการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมที่ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของ “เมืองที่หลากหลาย” อย่างกรุงเทพฯ

นี่ไม่ใช่แค่เทศกาลของแสงสว่าง แต่เป็นเทศกาลของ “ชีวิตใหม่” ที่เมืองหลวงกำลังสร้างให้ตัวเอง ด้วยพู่กันหนึ่งด้ามและความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน

บางที กรุงเทพฯ อาจไม่ต้องมีแค่ตึกสูงกับคอนโดใหม่ ๆ
แต่ควรมี “สี” ที่คนรู้สึกถึงได้บนถนนเก่า ๆ อย่างนี้บ้าง

Leave A Reply

Your email address will not be published.